สิ่งที่ผมบอกพวกเขาเกี่ยวกับ “FTSE Russell”

บทสนทนามักจะวนกลับมาที่คำสี่พยางค์ที่ฟังดูน่าเกรงขาม: “FTSE Russell”
FTSE
FTSE

ในฐานะที่ปรึกษาธุรกิจ ผมมีโอกาสได้นั่งคุยกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจดทะเบียนในไทยแทบทุกสัปดาห์ สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นในช่วงหลัง ๆ คือ บทสนทนามักจะวนกลับมาที่คำสี่พยางค์ที่ฟังดูน่าเกรงขาม: FTSE Russell

บางท่านขมวดคิ้ว บางท่านถอนหายใจ และคำถามที่ผมมักจะได้ยินก็คือ “คุณกานต์เราจะเริ่มตรงไหนดี? มันเหมือนเป็นกล่องดำที่เราไม่เข้าใจเลย แล้วนักลงทุนต่างชาติก็เริ่มถามหาคะแนนของเราแล้ว”

ผมเข้าใจความกังวลนั้นดีครับ เพราะนี่ไม่ใช่แค่การจัดอันดับสวย ๆ ประดับรายงานประจำปี แต่มันคือ “ใบเบิกทาง” ที่จะพาบริษัทของคุณเข้าไปอยู่ในสายตาของกองทุนระดับโลกที่บริหารเงินทุนมหาศาล

วันนี้ผมเลยอยากจะมาเล่าให้ฟังในภาษาที่ง่ายขึ้น เหมือนที่เรานั่งคุยกันที่ร้านกาแฟ ว่าแท้จริงแล้วเรื่องนี้คืออะไร และคุณควรจะเริ่มมองมันอย่างไร

FTSE ความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ที่ผมอยากให้คุณลบทิ้งไปก่อน

สิ่งแรกที่ผมต้องบอกกับผู้บริหารทุกคนคือ “FTSE ไม่ได้ส่งแบบสอบถามมาให้คุณกรอก”

นี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดครับ หลายบริษัทคุ้นเคยกับการประเมิน ESG แบบเดิมของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เราจะได้รับแบบฟอร์มมาให้กรอกข้อมูลและส่งกลับไป แต่สำหรับมาตรฐานระดับโลกอย่าง FTSE นั้น… ไม่มีครับ

พวกเขาจะทำตัวเหมือนเป็น “นักสืบ” ที่จะดูทุกอย่างที่คุณเปิดเผยไว้สู่ “สาธารณะ” เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรายงาน 56–1 One Report, รายงานความยั่งยืน, หรือข้อมูลบนเว็บไซต์บริษัทของคุณ (และที่สำคัญคือ ต้องมีเวอร์ชันภาษาอังกฤษที่สมบูรณ์ด้วย)

ดังนั้น การรอแบบสอบถาม ก็เท่ากับคุณยังไม่ได้เริ่มเตรียมตัวเลยแม้แต่น้อย

แล้ว “นักสืบ” อย่าง FTSE เขาอยากเห็นอะไรจากเรา?

เมื่อรู้แล้วว่าเขาจะดูเฉพาะสิ่งที่เปิดเผยไว้ ทีนี้คำถามต่อมาคือ แล้วเราต้องเปิดเผยอะไร? จากประสบการณ์ที่ผมช่วยลูกค้าเตรียมข้อมูล ผมสรุปให้ง่าย ๆ เป็น 2 ส่วนที่ต้องแข็งแกร่งควบคู่กันไป

ส่วนที่ 1: “มีกฎกติกาในบ้านที่ดี” (Policies & Governance)

ลองจินตนาการว่า FTSE ถามคุณว่า “เรื่องสำคัญ ๆ อย่างสิทธิมนุษยชน, การต่อต้านคอร์รัปชัน, หรือความปลอดภัยของพนักงานเนี่ย… บ้านคุณมีกฎเรื่องนี้เป็นลายลักษณ์อักษรไหม? แล้วใครในระดับบอร์ดบริหารเป็นคนคุมกฎนี้?”

นี่คือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า Disclosure ครับ คือการแสดงให้เห็นว่าคุณมี “กรอบการทำงาน” ที่ดี มีนโยบายที่ชัดเจน มีคนรับผิดชอบ และมีกระบวนการจัดการความเสี่ยงเรื่องเหล่านี้อย่างเป็นระบบ

ส่วนที่ 2: “โชว์ผลการเรียนให้ดูหน่อย” (Performance & Data)

หลังจากบอกว่าบ้านเรามีกฎที่ดีแล้ว FTSE จะบอกต่อว่า “เยี่ยมเลย! แล้วผลลัพธ์ที่ทำตามกฎนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ขอดูตัวเลขหน่อย”

นี่คือส่วนของ Performance ที่หลายบริษัทมักจะตกม้าตายครับ คือการนำเสนอข้อมูล “เชิงปริมาณ” ที่วัดผลได้จริง เช่น

  • ปีนี้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปกี่ตัน? (เทียบกับ 2–3 ปีก่อนเป็นอย่างไร)
  • อัตราพนักงานลาออกเท่าไหร่?
  • เกิดอุบัติเหตุในที่ทำงานกี่ครั้ง?
  • แล้วคุณมี “เป้าหมาย” ในอนาคตไหมว่าจะทำให้ตัวเลขพวกนี้ดีขึ้นได้อย่างไร?

บริษัทที่ได้คะแนนสูง คือบริษัทที่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่า กฎกติกาในบ้านที่ดี (ส่วนที่ 1) มันนำไปสู่ผลการเรียนที่ดีขึ้นจริง ๆ (ส่วนที่ 2)

มันไม่ใช่เรื่องของแผนกใดแผนกหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของทุกคน

ผมเห็นบ่อยครั้งที่เรื่องนี้ถูกโยนไปให้แผนกนักลงทุนสัมพันธ์ (IR) หรือฝ่าย CSR ดูแลเท่านั้น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอย่างยิ่ง

การเตรียมตัวรับการประเมินจาก FTSE Russell คือการทำงานร่วมกันของทั้งองค์กรครับ ฝ่ายบุคคลต้องมีข้อมูลพนักงาน, ฝ่ายปฏิบัติการต้องมีข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย, ฝ่ายจัดซื้อต้องดูเรื่องคู่ค้า, และที่สำคัญที่สุดคือ ผู้นำสูงสุดและคณะกรรมการต้องให้ความสำคัญและกำกับดูแล

การเดินทางสายนี้อาจจะดูซับซ้อนและต้องใช้พลังงาน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่ามหาศาลครับ มันไม่ใช่แค่การได้คะแนนสวย ๆ แต่คือการสร้างบริษัทที่แข็งแกร่ง มีภูมิคุ้มกัน และพร้อมที่จะแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างสง่างาม

เรื่องนี้ยังมีรายละเอียดที่ลึกและซับซ้อนกว่าที่ผมจะเล่าให้จบในบทความสั้น ๆ นี้ได้ครับ สำหรับท่านผู้บริหารหรือทีมงานที่ต้องการเจาะลึกในทุกมิติของเกณฑ์การประเมิน ทั้ง 3 เสาหลัก 14 หัวข้อ และตัวอย่างการเปิดเผยข้อมูลแบบละเอียด ผมและทีมงาน Norm Thing ได้เคยเรียบเรียงเป็นคู่มือฉบับสมบูรณ์ไว้ในบทความหลักของเรา

คุณสามารถเข้าไปอ่านบทวิเคราะห์ฉบับเต็มพร้อมแนวทางปฏิบัติโดยละเอียดได้ที่นี่ครับ

การเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ คือการสร้างความได้เปรียบให้กับองค์กรของคุณในวันข้างหน้าครับ

ด้วยความเคารพ

ที่ปรึกษาธุรกิจของคุณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Prev
KNK Weekly: สถานการณ์ที่ไทยต้องผ่านไป ไทยกัมพูชา
Thailand Cambodia การใช้กำลังตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไทยกัมพูชา

KNK Weekly: สถานการณ์ที่ไทยต้องผ่านไป ไทยกัมพูชา

ประเทศไทย กำลังเผชิญความเปราะบางในช่วงเวลาที่ผ่านมา

Next
กฎหมายมรดก: เมื่อมีคนตาย ฉันเป็นลูกคนเดียวฉันจะได้มรดกเมื่อไหร่?
heritage-law

กฎหมายมรดก: เมื่อมีคนตาย ฉันเป็นลูกคนเดียวฉันจะได้มรดกเมื่อไหร่?

กฎหมายมรดก | การสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก

You May Also Like