The Accidental Creative | ในยุคปัจจุบัน ความคิดสร้างสรรค์ถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นในวงการธุรกิจ ศิลปะ หรือเทคโนโลยี ความสามารถในการคิดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้เราแตกต่างจากคู่แข่ง แต่ยังช่วยให้เราสามารถปรับตัวและเติบโตได้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ผมเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในการบริหารจัดการองค์กร การพัฒนาโครงการใหม่ ๆ หรือการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ความคิดสร้างสรรค์ช่วยให้ผมสามารถสร้างสรรค์แนวทางที่มีประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าให้กับองค์กรได้ วันนี้จึงหยิบหนังสือเรื่องนี้มารีวิวหนังสือให้ทุกท่านได้อ่านกันครับ
คิดไม่ต้องเค้น The Accidental Creative
หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไร?
ผู้เขียน: Todd Henry
“The Accidental Creative” โดย Todd Henry เป็นหนังสือที่ให้คำแนะนำในการจัดการและพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในชีวิตการทำงาน หนังสือแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่ Dynamics และ Creative Rhythm โดยเน้นการสร้างสมดุลระหว่างการผลิตผลงานที่ยอดเยี่ยม ความคิดสร้างสรรค์ และการรักษาสุขภาพ
ส่วนที่ 1: Dynamics
บทที่ 1: การทำงานสร้างสรรค์ (The Dynamics of Creative Work)
- การทำงานที่มีประสิทธิภาพต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ผลงานที่ดี และสุขภาพดี หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหา เช่น ขาดสุขภาพจะทำให้เหนื่อยหน่าย ขาดความสามารถยอดเยี่ยมจะถูกไล่ออก และถ้าไม่สามารถสร้างผลงานได้สม่ำเสมอจะไม่เชื่อถือได้ การรักษาสมดุลในทั้งสามด้านนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
บทที่ 2: การทำงานเป็นทีม (The Dynamics of Team Work)
- ความคิดสร้างสรรค์มักเกิดจากการทำงานร่วมกันเป็นทีมมากกว่าการทำงานคนเดียว ความสำเร็จส่วนใหญ่เกิดจากการร่วมมือกัน การทำงานเป็นทีมช่วยให้เราได้แลกเปลี่ยนความคิดและมุมมองที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ ที่น่าสนใจ การสนับสนุนและความร่วมมือกันเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น
บทที่ 3: การจัดการปัจจัยที่รบกวนความคิดสร้างสรรค์ (The Side Effects: Dealing with the Assassins of Creativity)
- การทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนกระบวนการสร้างสรรค์ รวมถึงการตัดขาดจากที่ปรึกษาเมื่อคุณพร้อม การจัดการกับปัจจัยที่รบกวน เช่น การลดขั้นตอนที่ซับซ้อน การกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็น และการตั้งขอบเขตที่ชัดเจนช่วยให้เรามีพื้นที่และเวลามากขึ้นในการคิดและสร้างสรรค์
ส่วนที่ 2: Creative Rhythm
บทที่ 4: การโฟกัสและจัดการเวลา (Focus: Zeroing In On What’s Critical)
- การแยกเวลาสำหรับการคิดและการทำงานช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสียเวลาในการสลับงาน การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ การแยกเวลาสำหรับการคิด การวางแผน และการทำงานช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาในการสลับงานไปมา ทำให้มีสมาธิและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทที่ 5: การพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี (Relationships: Being Brilliant Together)
- ความสัมพันธ์ที่ดีช่วยเพิ่มพลังในการสร้างสรรค์ ความสัมพันธ์ที่สำคัญคือ แบบที่รู้สึกปลอดภัย เสี่ยงได้ และฟังความรู้ของผู้อื่น การมีความสัมพันธ์ที่ดีช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจและได้รับการสนับสนุนในการทำงาน ความสัมพันธ์ที่ดีช่วยให้เราสามารถแลกเปลี่ยนความคิด รับคำแนะนำ และสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ๆ ได้
บทที่ 6: การจัดการพลังงาน (Energy: Your Invisible Ally)
- การให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีความสำคัญและจัดการพลังงานให้เหมาะสมช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพ การจัดการพลังงานหมายถึงการดูแลสุขภาพกายและใจ การพักผ่อนที่เพียงพอ และการเลือกทำสิ่งที่มีความสำคัญเพื่อให้เรามีพลังงานเพียงพอในการทำงานที่สำคัญ
บทที่ 7: การรับและจัดการสิ่งกระตุ้น (Stimuli: What Goes In Must Come Out)
- การมีสิ่งกระตุ้นสองแบบ คือ แบบที่ส่งเสริมการเติบโตส่วนตัวและแบบที่ส่งเสริมการเติบโตทางวิชาชีพ การรับและจัดการสิ่งกระตุ้นอย่างเหมาะสมช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ การเลือกสิ่งกระตุ้นที่ดีและเหมาะสมช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจและมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีขึ้น
บทที่ 8: การบริหารเวลาเพื่อความสามารถในการผลิต (Hours: They’re The Currency of Productivity)
- การปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญและจัดการงานในปฏิทินช่วยให้สามารถผลิตผลงานได้อย่างต่อเนื่อง การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้เราสามารถทำงานได้มากขึ้นในเวลาที่น้อยลง การเลือกทำสิ่งที่สำคัญและการวางแผนเวลาอย่างดีช่วยให้เรามีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น
บทที่ 9: การนำทั้งหมดมารวมกัน (Putting It All Together: The Checkpoints)
- การนำเอาทุกสิ่งที่เรียนรู้มาใช้เพื่อพัฒนาผลงาน และไม่เป็นทาสของกระบวนการทำงาน การรวมกันของทุกสิ่งที่เราได้เรียนรู้มาใช้ในการทำงานช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีขึ้นได้ กระบวนการทำงานต้องช่วยเราไม่ใช่เราต้องช่วยกระบวนการทำงาน
บทที่ 10: การทำงานที่มีความหมายและไม่เสียใจในสิ่งที่ทำ (Cover Bands Don’t Change the World)
- การทำงานที่มีความหมายและไม่เสียใจในสิ่งที่ทำ ช่วยให้คุณสามารถผลิตผลงานที่ยอดเยี่ยมและมีความสุขกับการทำงาน การทำงานที่มีความหมายและมีเป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจและมีความสุขในการทำงาน ไม่เสียใจในสิ่งที่ทำและสามารถผลิตผลงานที่ยอดเยี่ยมได้
บทวิจารณ์ “คิดไม่ต้องเค้น” เป็นหนังสือที่มีแนวทางที่ชัดเจนและเป็นระบบในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ แต่ในแง่เชิงวิธีคิด แต่โดยส่วนตัวแล้วไม่ได้คิดว่าต้องอ่านขนาดนั้นเพราะว่า เป็นหลักที่ควรจะรู้อยู่แล้วคือเตรียมสุขภาพ เตรียมเวลา ฝึกฝน แต่ไม่ได้มีเฟรมเวิร์กในการสร้างสรรค์อะไร เป็นในเชิงฝึกวินัยเสียมากกว่า
บทเรียน 10 ข้อจากหนังสือ “The Accidental Creative” โดย Todd Henry
- สมดุลที่สำคัญ: การทำงานที่มีประสิทธิภาพต้องมีความคิดสร้างสรรค์ ผลงานที่ดี และสุขภาพดี หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหา
- การทำงานเป็นทีม: ความคิดสร้างสรรค์มักเกิดจากการทำงานร่วมกันเป็นทีมมากกว่าการทำงานคนเดียว
- จัดการกับการรบกวน: ทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนกระบวนการสร้างสรรค์
- แยกเวลาคิดและทำ: การแยกเวลาสำหรับการคิดและการทำงานช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสียเวลาในการสลับงาน
- พัฒนาความสัมพันธ์: ความสัมพันธ์ที่ดีช่วยเพิ่มพลังในการสร้างสรรค์ ความสัมพันธ์ที่สำคัญคือ แบบที่รู้สึกปลอดภัย เสี่ยงได้ และฟังความรู้ของผู้อื่น
- จัดการพลังงาน: การให้ความสำคัญกับสิ่งที่มีความสำคัญและจัดการพลังงานให้เหมาะสมช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพ
- สิ่งกระตุ้น: การมีสิ่งกระตุ้นสองแบบ คือ แบบที่ส่งเสริมการเติบโตส่วนตัวและแบบที่ส่งเสริมการเติบโตทางวิชาชีพ ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
- บริหารเวลา: การปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญและจัดการงานในปฏิทินช่วยให้สามารถผลิตผลงานได้อย่างต่อเนื่อง
- การรวมกันของทุกสิ่ง: การนำเอาทุกสิ่งที่เรียนรู้มาใช้เพื่อพัฒนาผลงาน และไม่เป็นทาสของกระบวนการทำงาน
- การทำงานที่มีความหมาย: การทำงานที่มีความหมายและไม่เสียใจในสิ่งที่ทำ ช่วยให้คุณสามารถผลิตผลงานที่ยอดเยี่ยมและมีความสุขกับการทำงาน