ปราสาทตาเมือนธม ในยุคล่าอาณานิคม: การยืนยันอธิปไตยของสยามท่ามกลางการปักปันเขตแดน ในช่วงล่าอาณานิคมฝรั่งเศส ปราสาทตาเมือนธมตั้งอยู่ในดินแดนของ สยาม (ประเทศไทยในปัจจุบัน) และอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องถิ่นของสยามในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ แม้จะไม่มีเอกสารระบุชื่อผู้ดูแลโดยตรง แต่จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายชิ้นยืนยันได้ว่าอำนาจอธิปไตยและการบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าวเป็นของฝ่ายสยาม
สถานะของปราสาทตาเมือนธมในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 25 (ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20) มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการปักปันเขตแดนระหว่างสยามและอินโดจีนฝรั่งเศส โดยมีสนธิสัญญาและหลักฐานที่สำคัญดังนี้
หลักการปักปันเขตแดนและสนธิสัญญา
- สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ. 122 (ค.ศ. 1904): สนธิสัญญาฉบับนี้ได้วางหลักการสำคัญในการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับกัมพูชาในอารักขาของฝรั่งเศส โดยกำหนดให้ใช้ สันปันน้ำ (Watershed) ของเทือกเขาพนมดงรักเป็นเส้นเขตแดน ซึ่งตามหลักภูมิศาสตร์แล้ว ปราสาทตาเมือนธมตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของสันปันน้ำเล็กน้อย แต่ตั้งอยู่บนฝั่งที่ราบสูงโคราชซึ่งเป็นดินแดนของสยาม
- สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ร.ศ. 125 (ค.ศ. 1907): สนธิสัญญาฉบับนี้เป็นการโอนดินแดนพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อแลกกับการที่ฝรั่งเศสถอนทหารออกจากจันทบุรีและยอมคืนดินแดนด่านซ้ายและตราดให้สยาม แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเขตแดนครั้งใหญ่ แต่หลักการใช้สันปันน้ำบนเทือกเขาพนมดงรักยังคงเป็นแนวทางหลักในการปักปันเขตแดนในบริเวณที่ตั้งของปราสาทตาเมือนธม
หลักฐานการสำรวจและการรับรอง
บันทึกและแผนที่ของเอเตียน อายโมนิเยร์ (Étienne Aymonier): นักสำรวจและนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ได้เดินทางสำรวจดินแดนแถบนี้และจัดทำบันทึกและแผนที่ขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1901 (พ.ศ. 2444) ก่อนการทำสนธิสัญญาปี 1904 โดยในบันทึกของเขาที่ชื่อว่า “Le Cambodge” ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า เมื่อเขาเดินทางมาถึงกลุ่มปราสาทตาเมือนนั้น “เรายังคงอยู่ในจังหวัดสุรินทร์” (Nous sommes encore dans la province de Surin) ซึ่งเป็นการยืนยันว่าในทัศนะของนักสำรวจฝรั่งเศสเอง พื้นที่ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสยาม
การดูแลรักษาโดยฝ่ายสยาม
ในช่วงเวลานั้น การบริหารราชการแผ่นดินของสยามอยู่ภายใต้ ระบบมณฑลเทศาภิบาล ซึ่งริเริ่มในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อรวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางและบริหารจัดการหัวเมืองต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จังหวัดสุรินทร์ในขณะนั้นขึ้นกับ มณฑลอีสาน (ต่อมาแยกออกเป็นมณฑลอุบลราชธานี) ดังนั้น การดูแลพื้นที่และโบราณสถานในเขตจังหวัดสุรินทร์จึงเป็นหน้าที่ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของสยาม
แม้จะยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโบราณสถานโดยตรงอย่างกรมศิลปากร (ซึ่งก่อตั้งในภายหลัง) แต่การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและการบริหารจัดการทั่วไปในพื้นที่เป็นอำนาจของฝ่ายสยามมาโดยตลอด
ต่อมาในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนปราสาทตาเมือนธมเป็นโบราณสถานของชาติอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงสิทธิและการดูแลรักษาของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและชัดเจนจวบจนปัจจุบัน
โดยสรุป ปราสาทตาเมือนธม
ในช่วงล่าอาณานิคมฝรั่งเศส ปราสาทตาเมือนธมอยู่ในดินแดนของสยาม และผู้ที่ดูแลคือฝ่ายปกครองท้องถิ่นของสยามในระบบมณฑลเทศาภิบาล โดยมีหลักฐานสนับสนุนทั้งจากสนธิสัญญาว่าด้วยการปักปันเขตแดน และบันทึกของนักสำรวจชาวฝรั่งเศสเอง
และปราสาทตาเมือนธมอยู่ในการกำกับดูแลของไทยมาโดยตลอดโดยไม่มีใครคัดค้านเสมอมา และเป็นไปตามประเพณีระหว่างประเทศ ซึ่งมีบางประเทศเพิ่งมาอ้างสิทธิ เคลมในไม่กี่ปีมานี้เอง
แหล่งอ้างอิง:
- ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งมีการอ้างอิงถึงหลักการปักปันเขตแดนตามแนวเทือกเขาพนมดงรัก
- สนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ฉบับลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ร.ศ. 122 (ค.ศ. 1904)
- สนธิสัญญาระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม ร.ศ. 125 (ค.ศ. 1907)
- Aymonier, Étienne. Le Cambodge, Tome II: Les provinces siamoises. Ernest Leroux, Paris, 1901.
- ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง กำหนดจำนวนโบราณสถานสำหรับชาติ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 ตอนที่ 75 วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478