มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
มาตรา 80 พยายามกระทำความผิด
มาตรานี้กล่าวถึงการพยายามกระทำความผิด โดยโครงสร้างของตัวบทนี้ แบ่งออกมาเป็น โครงสร้างและส่วนประกอบนี้
- ผู้ใดลงมือกระทำความผิด
- กระทำไปไม่ตลอด
- หรือ
- กระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล
- ผู้นั้นพยายามกระทำความผิด
- ผู้ใดพยายามกระทำความผิด
- ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าผุ้นั้นเป็นผู้ที่พยายามกระทำความผิด ก็ให้ดูจากขั้นที่ผู้นั้นลงมือกระทำความผิดนั้น หากยังไม่ถึงขั้นลงมือกระทำ หรือการกระทำยังไม่เกิดขึ้น ก็ยังไม่ใช่เป็นผู้พยายาม ไม่ให้เอามาตรานี้มาบังคับใช้
การพยายามกระทำความผิด
คือการทื่หากทำไปหมดครบทุกการกระทำจะเป็นความผิด ให้ดูถึงลักษณะการกระทำที่ใกล้ต่อความเสียหายที่สุด ยกตัวอย่างเช่นการ ฆ่าผู้อื่นโดยใช้ปืนยิง การกระทำนั้นจะอยู่ที่การเล็งปืน เพราะเหลืออีกการกระทำเดียวเท่านั้นคือลั่นไกปืน และจะเกิดความเสียหาย หรือการวิ่งราวทรัพย์ คือการที่หยิบทรัพย์ไปนั้นเองแล้วแต่กรณี
ที่มีมาตรานี้เพราะ
การกระทำหากกระทำไปตลอดจนความผิดสำเร็จ จะเกิดความเสียหายที่รุนแรงกว่า ซึ่งกฎหมายจึงบัญญัติไว้ให้ต้องรับผิดทางกฎหมายด้วย แต่มีโทษเบากว่า
องค์ประกอบสำคัญของมาตรา 80 คือ
- มีเจตนา
- กระทำความผิดถึงขั้นลงมือ
- ไปไปไม่ตลอด หรือทำแล้วแต่ไม่บรรลุผล
การเจตนา ดูมาตรา 59 วรรคสอง ประกอบกัน
มาตรา 59 วรรคสอง “กระทำโดยเจตนำ ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในกำรที่กระทำและใน ขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของกำรกระทำนั้น”
- เป็นประสงค์ต่อผลลัพทธ์นั้น หรือ
- เล็งเห็นผลว่ามันจะเกิดขึ้น ก็ได้
การที่ผู้ใดประมาทนั้นไม่ต้องหยิบ มาตรา 80 ว่าด้วยการพยายามความผิดนั้นมาบังคับใช้ เหตุผลเพราะไม่ได้มีเจตนา หรือพยายามกระทำความผิดนั้นตั้งแต่แรก
พิจารณาถึงลักษณะองค์ประกอบทุกส่วนของการกระทำ จะหาจากคำพูดเช่น ฉันจะฆ่าเธอ นั้นอาจไม่ใช่ทั้งหมดของลักษณะการพยายามฆ่า หรือ เจตนาฆ่า
ตัวอย่าง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3916/2534
จำเลยใช้อาวุธปืนจี้ที่ขมับผู้เสียหายพร้อมกับพูดว่า กูจะฆ่ามึงทิ้ง ถ้ามึงไปถึงกิ่งเมื่อไรกูจะฆ่าเมื่อนั้น
ดังนี้ คำพูดของจำเลยขณะที่ใช้อาวุธปืนจี้ผู้เสียหายมีความหมายชัดเจนว่าจำเลยจะยิงผู้เสียหายเมื่อไปถึงกิ่งอำเภอไม่ใช่ยิงในขณะนั้น เป็นการกระทำในลักษณะขู่ผู้เสียหายมากกว่า
หากจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ก็คงใช้อาวุธปืนนั้นยิงผู้เสียหายทันทีโดยไม่ต้องใช้อาวุธปืนจี้และมีการพูดถึงเหตุการณ์ในอนาคตเช่นนั้น
ประกอบกับผู้เสียหายกับจำเลยไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน และจำเลยกระทำในขณะเมาสุรา
การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2491
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขนย้ายข้าวออกนอกเขตจังหวัดสมุทรสาครอันเป็นเขตกักกันข้าวขอให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวแต่โจทก์สืบพยานได้ความว่าขณะจำเลยถูกจับนั้นจำเลยยังมิทันได้นำข้าวออกนอกเขตจังหวัดสมุทรสาคร
ดังนี้ เมื่อจำเลยมีเจตนาและการขนย้ายข้าวได้กระทำลงจนใกล้ชิดกับผลสำเร็จแล้ว ก็ลงโทษฐานพยายามได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2502
จำเลยยิงปืนตรงไปทางผู้เสียหาย แต่กระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหายเพราะผู้เสียหายหลบเสียก่อนนั้น เป็นการกระทำไปตลอดแล้ว หากแต่ไม่บรรลุผลตามที่จำเลยเจตนาเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าคน