เช่าทรัพย์ เป็นเหนึ่งในเรื่องของสัญญากฎหมายธุรกิจ และกฎหมายเอกชน ที่มีลักษณะพิเศษเป็นเอกเทศน์สัญญาของตนเอง ตามมาตรา 537 ในประมวลแพ่งและพาณิชย์ “อันว่าเช่าทรัพย์สินนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าผู้ให้เช่า ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่าผู้เช่า ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งชั่วระยะเวลาอันมีจำกัด และผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าเพื่อการนั้น”
โครงเรื่องกฎหมาย เช่าทรัพย์ (ผู้ให้เช่า ผู้เช่า)
- สัญญาเช่าทรัพย์คือ
- เกิดอย่างไร
- มีผลอย่างไร
- (หนี้) สิทธิและหน้าที่ + ความรับผิด
- ความระงับแห่งสัญญาเช่าทรัพย์
การมองกฎหมาย มองกฎหมายให้เป็นเป็นสิ่งมีชีวิต มีเกิด และตาย, กฎหมายคือสังคมศาสตร์ เป็นสิ่งนามธรรม แต่หากเข้าไปยังเนื้อหามันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ มีการเคลื่อนไหวแห่งสิทธิอยู่
เช่าทรัพย์เป็นเอกเทศน์สัญญา ต้องเอากฎหมายที่เรียนมาอื่น ๆ และหลักทั่วไป มาใช้ด้วยเช่น หนี้ สัญญา ทรัพย์ฯ
- ทรัพย์ คืออะไร ตามกฎหมาย
- 1303 สังหาริมทรัพย์ชิ้นเดียวกันใครมีสิทธิดีสุด
- การได้มาซึ่ง อสังหาริมทรัพย์ 1299 ป.พ.พ.
- การศึกษากฎหมาย
มาตรา 544 ทรัพย์สินซึ่งเช่านั้น
ปพพ. มาตรา 544. “ทรัพย์สินซึ่งเช่านั้น ผู้เช่าจะให้เช่าช่วงหรือโอนสิทธิของตนอันมีในทรัพย์สินนั้นไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนให้แก่บุคคลภายนอกท่านว่าหาอาจทำได้ไม่ เว้นแต่จะได้ตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในสัญญาเช่า
ถ้าผู้เช่าประพฤติฝ่าฝืนบทบัญญัติอันนี้ ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้
ถ้าผู้เช่าประพฤติฝ่าฝืนบทบัญญัติอันนี้ ผู้ให้เช่าจะบอกเลิกสัญญาเสียก็ได้ “
//การเช่าช่วงไม่ได้เกี่ยวกับความยินยอม (แต่ถ้าไม่ได้รับการยินยอม จะเป็นการโอนโดนมิชอบ)
ผู้รับโอนสิทธิในการเช่า ต้องได้รับความยินยอม ผู้เช่าโอนสิทธิการเช่าของตัวเองให้กับบุคคลที่สาม (เป็นเรื่องการโอนสิทธิเรียกร้อง)
การเช่าคือสัญญาต่างตอบแทน (ชำระค่าเช่ากับได้ใช้ทรัพย์)
การโอนสิทธิการเช่า จะโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ไปด้วย ส่วนด้านความรับผิดจะเป็นของผู้เช่าโดน ซึ่งการโอนไม่ได้โอนการรับผิดไปด้วย
ถ้าการโอนสิทธิการให้เช่า เขาเรียกว่าการสวมสิทธิ
ผู้รับโอนทรัพย์
ม.569 วรรคหนึ่ง อันสัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมไม่ระงับไปเพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินซึ่งให้เช่า
วรรคสอง ผู้รับโอนย่อมรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่านั้นด้วย “
กฎหมายที่จะต้องใช้ประกอบ เกี่ยวกับเรื่องการ เช่าทรัพย์
- ประมวลกฎหมายเกี่ยวกับเช่าทรัพย์ 537-571 (เอกเทศน์สัญญา)
- หลักทั่วไป นิติกรรม หลักทั่วไป
- กรณีเสริมกัน (เช่นการโอนสิทธิเรียกร้อง)
- กรณีขัดแย้งกัน (ให้ใช้บทเฉพาะ)
- เรื่องอายุความค่าเช่า 193/33 (3), 193/34 (6) เป็นเฉพาะเรื่องค่าเช่า(5 ปีและ2 ปี)
- เรื่องอายุความสัญญาทั่วไป 563 (6เดือน)
- พรบ เฉพาะเรื่องการเช่า
สัญญาเช่าทรัพย์คือ
ถ้าเอาจริง ๆ ต้องเอามาตรา 149 และมาตรา 537
มาตรา 537 อันว่าเช่าทรัพย์สินนั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ให้เช่า ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้เช่า ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งชั่วระยะเวลาอันมีจำกัด และผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าเพื่อการนั้น
//ฝ่ายหนึ่งให้ใช้ประโยชน์ของทรัพย์ อีกฝ่ายหนึ่งชำระค่าเช่า
มาตรา 149 “นิติกรรม หมายความว่า การใด ๆ อันทำลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัคร มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ”
องค์ประกอบ 7 ข้อของสัญญา เช่าทรัพย์
- สัญญาเช่าเป็นสัญญาต่างตอบแทน
- วัตถุแห่งสัญญาเป็นทรัพย์สิน
- ไม่โอนกรรมสิทธิ
- มีระยะเวลาจำกัด
- คุณสมบัติของผู้เช่าเป็นสาระสำคัญ
- เป็นบุคคลสิทธิ
1. ต่างตอบแทน
- ได้ใช้ หรือ ได้รับประโยชน์
- ได้ใช้คือ การได้ใช้ด้วยตนเอง
- ได้รับประโยชน์ คือการได้รับผลตอบแทนหรืออื่น ๆ โดยที่ตนไม่ได้ใช้
- 537 เขียนรองรับ 559 นั่นเป็นเหตุผลทำไม 537 ต้องมีคำว่าได้
- อีกฝ่ายหนึ่งต้องจ่ายค่าเช่า
- ค่าเช่าไม่แปลว่าต้องเป็นทรัพย์สินก็ได้ อาจเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ทรัพย์สินก็ได้
- หนี้แบบกระทำการก็ได้
- ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน
- การตอบแทนน้ำใจมิใช่เรื่องของการเช่า เช่นเพื่อนช่วยค่าน้ำค่าไฟ
- ค่าเช่าไม่แปลว่าต้องเป็นทรัพย์สินก็ได้ อาจเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่ทรัพย์สินก็ได้
- หากมีการพ้นวิสัยใช้ มาตรา 372 ได้เหมือนกันเพราะไม่ใช่เรื่องการโอนกรรมสิทธิ
- สัญญานี้ต่างฝ่ายต่างมีหนี้ซึ่งกันและกัน
- สัญญาซื้อขาย
- แลกเปลี่ยน
//วิธีการดูว่าสัญญาไหนต่างตอบแทน ให้ดูจากคำนิยามของสัญญานั้น ๆ เช่นยืมใช้สิ้นเปลือง เช่นสัญญายืมใช้สิ้นเปลือง
มาตรา 650 “อันว่ายืมใช้สิ้นเปลืองนั้น คือ สัญญาซึ่งผู้ให้ยืมโอน กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินชนิด ใช้ไปสิ้นไปนั้นเป็นปริมาณมี กำหนดให้ไปแก่ผู้ยืม และผู้ยืมตกลงว่าจะคืนทรัพย์สินเป็นประเภท ชนิด และปริมาณเช่นเดียวกันให้แทนทรัพย์สินซึ่งให้ยืมนั้น สัญญานี้ย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อมีการส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม”
//อันนี้ไม่ใช่สัญญาต่างตอบแทน สัญญาต่างตอบแทนกับได้ค่าตอบแทนเป็นคนละเรื่องกัน
2. วัตถุแห่งสัญญาเป็นทรัพย์สิน
เช่าทรัพย์ เป็นทรัพย์สิน //เช่นเช่าช่วง, เช่าแก๊สมาจัดแสดง แตส่วนใหญ่จะเป็นการเช่าทรัพย์ที่เป็นวัตถุที่มีรูปร่าง
- สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน โอนไม่ได้ จะเช่าได้หรือไม่ได้ต้องดูว่ากฎหมายเปิดช่องให้เช่าได้หรือไม่ได้ เช่นที่ราฎพัสดุ (1304 อนุ 1)
- เป็นที่ห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายหากกฎหมายไม่ได้เปิดช่อง
3. ไม่โอนกรรมสิทธิ
ถึงแม้จะเช่ากี่ปีก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ คนส่วนใหญ่มีสิทธิครอบครอง เพราะยึดถือเพื่อตน สิทธิครอบครองเป็นทรัพยสิทธิ์ การยึดถือตามสัญญาเช่านั้นเป็นการยึดถือเพื่อตนไม่ได้ยึดถือเพื่อเจตนาเป็นเจ้าของ
ทรัพย์สินบางอย่างไม่สามารถเช่าได้ เช่นทรัพย์สินที่ให้เป็นการเฉพาะตัวบุคคล เช่นเครื่องราช หรืออะไรที่ได้รับมาเฉพาะเราเท่านั้น
4. มีระยะเวลาจำกัด
คือเกิดได้และดับได้ สิ้นสุดได้ เช่นในกรณีที่เช่าที่ดินที่มีเงื่อนเวลา(แน่นอน จะช้าหรือเร็ว) เกิดได้ดับได้ เช่นเช่าถึง 10 ปี หรือเช่าจนบุคคลตาย
4.1 เงื่อนเวลา แยกออกเป็น 2 กรณี
- เช่าสังหา (ไม่มีกำหมายกำหนดเวลาไว้) ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้ประโยชน์ไว้ว่าเป็นอย่างไร
- เช่าอสังหา มีเงื่อนเวลาสิ้นสุด จะมีกฎหมายกำหนดเวลาสิ้นสุดไว้เต็มที่ 30 ปีตามมาตรา 540
มาตรา 540 บัญญัติว่า “อันอสังหาริมทรัพย์ ท่านห้ามมิให้เช่ากันเป็นกำหนดเวลาเกินกว่าสามสิบปี ถ้าได้ทำสัญญากันไว้เป็นกำหนดเวลานานกว่านั้นท่านก็ให้ลดลงมาเป็นสามสิบปี
อนึ่ง กำหนดเวลาเช่าดังกล่าวมานี้ เมื่อสิ้นลงแล้วจะต่อสัญญาอีกก็ได้ แต่ต้องอย่าให้เกินสามสิบปีนับแต่วันต่อสัญญา”
// แต่มีข้อยกเว้นสำหรับ ที่ดินสำหรับพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม ให้ไม่เกิน 50 ปี (แต่สำหรับพาณิชยกรรมและอุสาหกรรมซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษ
//มาตรา 540 จะใช้กับการเช่าที่มีกำหนดเวลาแน่นอน
- แต่ถ้าเป็นการเช่าจนผู้เช่าตาย(มาตรา 541) จะอยู่เกิน 30 ปีได้
4.2 สัญญาเช่ามีเงื่อนไข
- เงื่อนไขบังคับหลัง ถ้าเงื่อนไขสำเร็จ สัญญาเช่าจะสิ้นผลลง
//ถ้ากรณีมีระยะเวลาแล้วมีระยะเวลาสิ้นสุดลง สัญญาจะสิ้นสุดตาม 564 → แต่ถ้าหากผู้เช่าเช่าต่อ จะเป็นการทำสัญญาใหม่โดยเป็นการไม่มีกำหนดเวลาตามมาตรา 570
4.3 ไม่มีกำหนดเวลาทำอย่างไร
ถ้าไม่มีกำหนดเวลาไว้ ให้บอกกล่าวล่วงหน้า ก็สามารถสิ้นสุดได้ ตามมาตรา 566
4.3.1 กรณีสังหาริมทรัพย์
- กรณีการเช่าไม่มีกำหนดเวลาตั้งแต่เริ่มแรก
- ระยะเวลาสิ้นสุดแล้วตาม 564 และอยู่ต่อให้ถือว่าไม่มีระยะเวลาตาม 570
- เป็นสัญญาที่เกิดขึ้นจากผลของกฎหมาย
- ข้อตกลงเก่าที่ืเคยมีมาก็ให้เอาข้อตกลงเดิมยกมาใช้ด้วย
4.3.2 กรณีอสังหาริมทรัพย์
- กรณีการเช่าไม่มีกำหนดเวลาตั้งแต่เริ่มแรก
- 570 แท้ – ระยะเวลาสิ้นสุดแล้วตาม 564 และอยู่ต่อให้ถือว่าไม่มีระยะเวลาตาม 570
- สามารถใช้หลักฐานของสัญญาเดิมได้ ข้อตกลงเดิมยกเว้นเรื่องระยะเวลา
- หลักฐานตาม 538 ในการฟ้องร้องคดี
- 570 เทียม – ตามแนวของฎีกา ตัดสิน (ซึ่งมาจากศาลช่วย) เช่นสัญญา5 ปี แต่เลยปีที่ 3 แล้ว ตาม 538 ตอนท้าย แต่อยู่ต่อถือว่าเกิดสัญญาขึ้นมาใหม่ ก็ต่ออายุไปโดยไม่มีกำหนดเวลา
“ป.พ.พ. มาตรา 538“ เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้ หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ท่านว่าการเช่านั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี”