นิรนัย อุปนัย หรือ Deduction และ Induction คือส่วนสำคัญของ การให้เหตุผลทางกฎหมาย รูปแบบหนึ่งซึ่งมีความนิยม
นิรนัย Deduction
ผมเริ่มจากการให้เห็นผลแบบนิรนัย หรือ Deduction ซึ่งผมเปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือนดังสมการทางคณิตศาสตร์ เช่น A+C=D และแทนค่ามันด้วยตัวเลข 1+2=3 นั่นเอง
กล่าวคือ หากเราได้รู้ถึงหลักการและองค์ประกอบของแนวคิดอันนี้ ก็แค่แทนค่าสถานการณ์ต่าง ๆ ลงไปในข้อความนั้น ๆ เช่น
ผู้ใด+ฆ่าผู้อื่น = ผิดกฎหมาย
ต่อมา นายชมพูหยิบปืนเล็งไปที่นายส้มและยิงเข้าที่หัวจนนายส้มตายทันที หากแทนค่าของข้อความด้านบนผลที่จะได้ออกมาก็คือ
นายชมพู+ฆ่านายส้มถึงแก่ความตาย = ผิดกฎหมาย
กล่าวคือ สิ่งที่เราจะให้เหตุผล เราต้องทราบประเด็นหลักของเรื่องก่อนว่าเราจะให้เหตุผลเรื่องอะไร
หลักของ Deduction
หลักของนิรนัยคือ (Law of Validity) คือการเปรียบเทียบแบบสมเหตุผลกัน โดยมี ตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้อง deduction ต้องมีแก่น ศัพท์กลางต้องกระจ่างชัดอย่างน้อย 1 หน ถ้าเห็นด้วยจะเห็นด้วยถ้าหมด ถ้าไม่คล้องกัน 1 อย่างก็ไม่สามารถสอดคล้องทั้งหมด
อุปนัยInduction
คือการที่เรามีความคิดเห็น ความคิดแนวคิดอะไรต่าง ๆ ที่ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกันแต่ในตอนแรกยังไม่รู้จะเชื่อมโยงกันอย่างไร ในการให้เหตุผลแบบนี้คือการอุปมาอุปมัย ที่กว้างเนื่อเรื่องที่ให้เหตุผลคือการที่ เริ่มจากประเด็นย่อย ๆ ในหลาย ๆ ประเด็น และในท้ายที่สุดเอามมาเชื่อมซึ่งกันและกัน
แนวคิดของ John Stuart Mill เกี่ยวับ induction
วิธีการให้เหตุผลแบบอุปนัยของ Mill กล่าวไว้ใน 5 ประเด็นต่อจากนี้
- สอดคล้องกัน (Agreement) สรุปจากเหตุผลหลาย ๆ อย่างที่มีความสอดคล้องกัน
- แตกต่างกัน (Difference) สรุปจากเหตุบางอันที่ต่างไปจากอันอื่น ๆ
- สอดคล้องกันและแตกต่างกัน (Agreement & Difference) ใช้ทั้งสอดคล้องและต่างกัน
- ส่วนที่เหลือ (Residue) มีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้เกิดผลสุดท้ายร่วมกัน
- ผิดระดับกัน (Variation) เหตุเดียวกันถ้าเปลี่ยนระดับความเข้มข้นของการกระทำที่อาจจะเกิดผลต่างกันไปได้
ถ้าดูทั้งหมด คือแก่นของนิติศาสตร์แบบ อุปนัย คือการได้ให้เหตุผลที่สอดคล้องกัน / แตกต่างกัน / สอดคล้องและแตกต่าง / และตัด ส่วนที่เหลือ และผิดระดับกัน ให้สำรวจให้ครบทั้ง 5 ประเด็นและสามารถนำไปเขียนเป็นข้อสรุปได้
สรุป นิรนัย อุปนัย
คืออีกวิธีการให้เหตุผลทางกฎหมาย ซึ่งยังมีการให้เหตุผลแบบเทียบเคียงคือ Analogy อีกด้วย ซึ่งการให้เหตุผลนั้นมีความสำคัญต่อการเขียนการแสดงเหตุผลทางกฎหมายอย่างมาก ซึ่งอาจทำให้เราชนะคดี หรือไม่ชนะคดีได้จากการให้เหตุผลที่ถูกต้องแม้ไม่ได้มีที่ปรึกษากฎหมายนั้นเอง